On 22 May 2014, the National Council for Peace and Order (NCPO) staged a military coup and remained in power for over five years in the second longest-standing coup d'etat in Thai political history. The NCPO cited “the maintenance of peace and order, ending conflict and promoting reconciliation” as justifications for its actions.
In reality, Thai society has seen a state of “total calmness” where the Council uses authority to suppress expression and opinions voiced by dissenters and those with different views. Although it no longer exists, the NCPO scarred Thai society deeply. Without sufficient address to reverse and remedy these effects, as well as an attempt to strive for change, this history of trampling on people’s rights and freedoms may repeat itself.
Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) has therefore collected for display evidence of human rights violations as well as resistance and refusal to accept unjust authority. We hope each item will serve as a sufficient reminder of the past and call for history not to keep repeating itself, as well as provide an opportunity for us all to learn and strive for change.
Events
1 November 2019
18.00-18.15 - Thai Lawyers for Human Rights introduces the exhibition "Never Again: Seize, Trample, Repeat, Change”
18.15 - 18.45 - "Free Space Talk – Five years, five people, five stories: experiences under the rule of the NCPO"
19.00 - 19.30 - Performances by:
–Rap Against Dictator: RAD band
–Sawenchai band, Mo Lam- style (Northeastern Thai music) singer ‘Bank’
• 2 November 2019, 17.00-18.00: “A discussion with Ja New: suffering but striving on”
Revelations from Siriwit Serithiwat, or Ja New, a political activist who has always chosen to use only peaceful forms of political protest, to the extent that his numerous prosecutions have not made him stop fighting for what he believes in. His staunchness has twice caused his opponents to use violence against him, in what appears to be an abuse of power outside the legal system in a bid to stop him.
• 3 and 10 November 2019, 17.00: “The NCPO-era Lawyers"
Meet the lawyers who fought for justice in the NCPO era. For the first time ever they share details of their work and experiences of cases faced in military courts and other courts of justice.
• 9 November 2019, 17.00: “Living Proof”
Anon Chawalawan, from the Museum of the Common People, collects documents and items invented by ordinary people. He is also a journalist, recording data on violations of the right to freedom of expression for the Internet for People Law Project (iLaw). Anon will use various items to tell the story of the common people whose political and legal struggles moved the wheels of history under the rule of the NCPO.
การรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และการควบคุมอำนาจที่เกิดขึ้นตามมานานกว่า 5 ปี โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นับเป็นการรัฐประหารที่คณะรัฐประหารครองอำนาจยาวนานที่สุดเป็นลำดับที่ 2 ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ในช่วงเวลากว่าครึ่งทศวรรษนี้ คณะรัฐประหารกล่าวอ้างเรื่องการดำเนินการต่างๆ เพื่อสร้าง “ความสงบเรียบร้อย”ทำให้บ้านเมืองปราศจากความวุ่นวายขัดแย้งกันทางการเมืองและสร้างความปรองดองระหว่างฝ่ายต่างๆ หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นแท้จริงแล้ว คือ “ความสงบราบคาบ” ที่สังคมถูกคณะรัฐประหารใช้อำนาจลักษณะต่างๆ กดกักการแสดงออก การแสดงความคิดเห็น ของฝ่ายที่คิดเห็นแตกต่าง หรือผู้คนที่คัดค้านต่อต้านเอาไว้
การรัฐประหารครั้งนี้ยังได้สร้างผลพวง ผลกระทบและบาดแผล ต่อสังคมในระยะยาวจากนี้ออกไปในอนาคต แม้คณะรัฐประหารชุดนี้จะไม่ได้ดำรงอยู่ต่อไปแล้วก็ตาม ถ้าหากไม่มีการชำระสะสาง ลบล้างผลพวง เยียวยาแก้ไข หรือเรียนรู้เปลี่ยนแปลง การใช้อำนาจลักษณะนี้อาจหวนกลับมาเหยียบย่ำสิทธิเสรีภาพของประชาชนซ้ำเดิมอีกครั้งเมื่อใดก็ได้ หากโอกาสเอื้ออำนวย
นิทรรศการ “Never Again: หยุด ย่ำ ซ้ำ เดิน” โดยศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รวบรวมและจัดแสดงบางส่วนของข้าวของ ภาพถ่าย ข้อความ เรื่องราว ว่าด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน การต่อต้านขัดขืน การเคลื่อนไหว พร้อมทั้งนำเสนอข้อเสนอการจัดการผลพวงบางส่วนที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหารครั้งนี้
ข้าวของและเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นทั้ง “พยานหลักฐาน” ของการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยคณะรัฐประหาร พร้อมกันไปกับ “ร่องรอย” ของการพยายามต่อสู้ดิ้นรนในการไม่ยอมรับอำนาจอันไม่ชอบธรรมเหล่านั้น ด้วยความหวังว่าข้าวของและเรื่องราวจะพอช่วยย้ำเตือนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมา และเริ่มต้นส่งเสียงตะโกนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำๆ พร้อมกับเปิดโอกาสในการร่วมเรียนรู้และแสวงหาหนทางเดินฝ่ามันออกไปด้วยกัน
นิทรรศการนี้พยายามสำรวจพลวัตรของทัศนคติการเมืองในสังคมไทยที่แบ่งออกเป็นสองฝ่ายและชุมชนศิลปินผ่านมุมมองใหม่หรือมุมมองที่ปรับจากเดิมเกี่ยวกับความจริงของชีวิตหกปีที่ผ่านมา
22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำรัฐประหารและครองอำนาจอยู่นานกว่า 5 ปี นับเป็นคณะรัฐประหารครองอำนาจยาวนานที่สุดเป็นลำดับที่ 2 ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดย คสช. ปกป้องการกระทำของตัวเองด้วย “ความสงบเรียบร้อย ยุติความขัดแย้ง และสร้างความปรองดอง”
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับเป็น “ความสงบราบคาบ” ที่สังคมถูกกดกักการแสดงออก การแสดงความคิดเห็น เอาไว้ด้วยการใช้อำนาจของ คสช. ไม่ให้ขัดขืนต่อต้าน ผลพวงที่ตามมาจึงกลายเป็นแผลเป็นต่อสังคม แม้ คสช.จะไม่ได้ดำรงอยู่ต่อไปแล้วก็ตาม ถ้าหากไม่ชำระสะสาง เยียวยาแก้ไข หรือเรียนรู้เปลี่ยนแปลง ประวัติศาสตร์ของการเหยียบย่ำสิทธิเสรีภาพของประชาชนอาจวนมาอีกครา
เราจึงรวบรวมและจัดแสดงสิ่งที่เป็นหลักฐานของการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการต่อต้านขัดขืนไม่ยอมรับอำนาจอันไม่ชอบธรรม ด้วยหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะพอช่วยย้ำเตือนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และเริ่มต้นส่งเสียงตะโกนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำๆ พร้อมกับเปิดโอกาสในการร่วมเรียนรู้และแสวงหาหนทางเดินฝ่ามันออกไปด้วยกัน
*กิจกรรม
1 พ.ย. 2562
18.00-18.15 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนแนะนำนิทรรศการ “Never Again: หยุด ย่ำ ซ้ำ เดิน”
18.15 – 18.45 น. “Free Space Talk - 5 ปี 5 ผู้คน 5 เรื่องราวประสบการณ์ที่ภายใต้การปกครองของ คสช.”
19.00 - 19.45 วง Rap Against Dictator: RAD
20.00 - 21.00 วงสะเวินใจ (หมอลำแบงก์)
2 พฤศจิกายน 2562
เวลา 17.00-18.00 น.: "คุยกับจ่านิว เจ็บตัวแต่ยังไปต่อ"
เปิดใจสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นักกิจกรรมทางการเมืองที่เลือกใช้สันติวิธีในการเคลื่อนไหวทางการเมืองมาโดยตลอด จนทำให้เขาถูกดำเนินคดีหลายคดีแต่ก็ไม่เคยทำให้เขาต้องหยุดที่จะลุกมาทำสิ่งที่เขาเชื่อมั่น จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามเลือกที่จะใช้ความรุนแรงกับเขาถึงสองครั้งจนปรากฏเป็นหลักฐานของการใช้อำนาจนอกระบบกฎหมายเพื่อที่จะหยุดเขาให้ได้
3 และ 10 พฤศจิกายน 2562
เวลา 17.00 น.: “ทนายความยุค คสช.”
พื้นที่พบปะทนายความที่ต้องเผชิญหน้ากับกระบวนการยุติธรรมในยุค คสช. พวกเขาจะมาเล่าประสบการณ์และการทำหน้าที่ในคดีที่พวกเขาต้องพบต้องเผชิญในศาลทหารและศาลยุติธรรมจากคดีต่างๆ ที่ไม่เคยถูกเล่าที่ไหนมาก่อน